วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รักษาสิวด้วยวิธีแบบกัวซา ผนวกโภชนาการบำบัด

สิว หลายๆคนหนักใจเป็นกังวลกับคำนี้ เพราะว่ารักษาไม่หายสักทีวันนี้ผมมีบทความมาฝาก จาก doctorskinhouse  เป็นเรื่องของการรักษาสิวแบบกัว ซา แค่ชื่อหลายคนก็สงสัยแล้ว กัวซาคือการรักษาแบบจีนครับ  และผนวกกับการรักษาด้วยโภชนการบำบัด

"สิว" ตามหลักของศาสตร์แพทย์แผนจีนนั้น วินิจฉัยว่า สิวเกิดจากมีความร้อนไปอุดตันในเส้นลมปราณอวัยวะภายในร่างกายทั้ง 5 ได้แก่ หัวใจ ตับ ปอด ไต กระเพาะอาหาร จนไอพิษร้อนเหล่านี้สะสมและผลักดันพิษร้อนนั้นขึ้นสู่ผิวหน้า จนเกิดเป็นสิว ดังนั้นจึงมีวิธีบำบัดรักษาสิวด้วยวิธีกัวซา บวกกับโภชนาการบำบัดจากศูนย์ธรรมชาติบำบัดมาฝากผู้ที่เป็นสิวกัน

  
 อาจารย์หยางเผยเซิน ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมชาติบำบัด กล่าวว่า ตำแหน่งสิวที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า 5 จุด เป็นสัญญาณเตือนว่า อวัยวะภายในร่าง กายอาจมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น หากสิวขึ้นบริเวณหน้าผาก แสดงว่าไฟหรือความร้อนในหัวใจของคุณเริ่มพุ่งสูงขึ้น ดังนั้นจึงส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณหัวใจผิดปกติ และสาเหตุที่ทำให้เกิดความร้อนขึ้นภายในหัวใจนั้น ส่วนหนึ่งอาจมาจากความเหนื่อยล้าหรือความเครียด ตลอดจนมีสารพิษเข้าไปสะสมใน ร่างกายของเรานั่นเอง

   หากพบสิวบริเวณ "คิ้ว" แน่นอนว่าบริเวณตับมีความร้อนสะสมอยู่ สิวบริเวณ ดั้งจมูก แสดงว่ามีความร้อนหรือไฟเกิดขึ้นที่บริเวณกระเพาะอาหาร ซึ่งสาเหตุนี้มาจากการรับประทานอาหารเผ็ดจนทำให้ท้องผูกและเกิดสิว ถ้าเป็น สิวบริเวณแก้ม แสดงว่าเกิดความร้อนขึ้นที่บริเวณปอด หรือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกให้ทราบว่า มีความร้อนไปอุดตันที่บริเวณปอด จนปอดผลักดันความร้อนขึ้นมาสู่ผิวหน้า สุดท้ายหากพบสิวใต้คาง แปลว่าบริเวณไตมีความร้อนเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งจุดนี้อันตรายที่สุดในบรรดาสี่จุดที่กล่าวมา เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่อง ของระดับฮอร์โมนในร่างกาย และเป็นสัญญาณที่บอกว่าประจำเดือนของคุณอาจมีปัญหา จึงทำให้สิวเกิดขึ้นที่บริเวณนี้

สำหรับวิธีแก้ไขหรือรักษาโรคสิวนั้น อาจารย์หยางกล่าวว่า มีด้วยกัน 2 วิธี คือ

     1. การรักษาด้วยวิธีกัวซาแบบธรรมชาติ
     2. การรักษาด้วยโภชนาการบำบัด
    
ซึ่งการรักษาจะต้องทำควบคู่กันไปทั้ง 2 วิธีจึงจะทำให้การรักษาเห็นผลเร็วยิ่งขึ้น สำหรับการรักษาสิวด้วยวิธีกัวซาแบบธรรมชาตินั้น เป็นวิธีการรักษาสิวด้วยการนำหยกซึ่งเป็นวัตถุที่มีความเย็น มาถูที่บริเวณ หลังของคนไข้ ซึ่งวิธีกัวซานี้เรียกได้ว่า เป็นการรักษาสิวโดยการกวาด หรือถูสารพิษและความร้อนที่เป็นตัวการเกิดสิว ให้ผ่านจุดหรือเส้นที่เป็นทางผ่านของเส้นประสาทลมปราณ

     จากการถูนี้เอง จึงส่งผลในการกระตุ้นให้เส้นลมปราณเกิดการหมุนเวียนภายใน และทลายสิ่งอุดตันให้ปรุโปร่งไปพร้อมๆ กับขับสารพิษให้ออกมายังรูขุมขนหรือบริเวณหลังนั่นเอง ซึ่งจุดบริเวณหลังมีทั้งหมด 5 จุดเช่นกัน โดยจะเริ่มถูหยกจากบริเวณไหล่ด้านหลังลงมาถึงบริเวณเอว หรือพูดง่ายๆ ว่าเริ่มถูหยกตั้งแต่จุดที่ตรงกับบริเวณหัวใจ แล้วไล่ไปจนถึงกระเพาะอาหาร หรือบริเวณเอว ซึ่งลักษณะการถูหยกในแต่ละจุดนั้นจะต้องถูไปในทิศทางเดียวกัน และต้องถูทีละ ข้าง ในขณะที่การถูหลังด้วยหยกนั้น จะมีผื่นสีแดงขึ้นที่บริเวณจุดดังกล่าว ซึ่งจุดสีแดงเหล่านี้จะเป็นตัวบอกให้เราทราบว่า อวัยวะภายในร่างกายของเรา กำลังมีปัญหา เช่นเดียวกับที่เราวิเคราะห์ตำแหน่งของสิวบนใบหน้านั่นเอง ขณะเดียวกัน จุดสีแดงนี้ ยังบอกให้เราทราบถึงความรุนแรงของจำนวนสิวที่อยู่บนใบหน้าได้เช่นกัน


     พร้อมกันนี้ อาจารย์หยางกล่าวว่า ระยะเวลาของการรักษาด้วยวิธีนี้ควรทำอาทิตย์ละครั้ง ครั้งละประมาณ 15-20 นาที ก็เพียงพอแล้ว สำหรับการรักษาด้วยวิธีกัวซานี้ จะช่วยทำให้สิวบริเวณใบหน้าลดลงได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ โดยสิวอีกจำนวน 90 เปอร์เซ็นต์จะมาขึ้นที่บริเวณด้านหลังของคนไข้ จึงเปรียบเหมือนการขับความร้อนและสิวให้ออกมายังบริเวณด้านหลัง โดยใช้หยก ซึ่งเป็นวัตถุที่มีความเย็นเป็นตัวดูดซับความร้อนออกมานั่นเอง และ หลังจากที่คนไข้รักษาด้วยวิธีนี้ติดต่อกัน 4-5 ครั้ง อาจารย์หยางกล่าวว่า จะทำให้สิวบนใบหน้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์

   ผลข้างเคียงนั้นอาจารย์หยางกล่าวว่า ไม่มีผลข้างเคียง เพราะวิธีกัวซานี้เป็นวิธีแบบธรรมชาติ และไม่มีการใช้สารเคมีในการรักษาแต่อย่างใด แต่ต้องรักษากับผู้เชี่ยวชาญ เท่านั้น และการรักษาด้วยวิธีนี้สิวสามารถกลับมาเป็นได้ หากคนไข้ยังไม่ปรับพฤติกรรม ที่นำไปสู่การเกิดสิว เช่น การรับประทานอาหารหรือผลไม้ที่มีความร้อน หรืออาหารที่มีรสเผ็ด เช่น สุกี้หรือทุเรียน ลำไย ตลอดจนความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการสูบบุหรี่ก็สามารถทำให้กลับมาเป็นสิวได้เช่นกัน

   ส่วนการรักษาสิวโดยวิธีโภชนาการบำบัดนั้น อาจารย์หยางกล่าวว่า วิธีนี้เป็นการลดความร้อนที่มีอยู่ในร่างกายเพื่อป้องกันการเกิดสิว ควบคู่ ไปกับการรักษาด้วยวิธีกัวซา โดยการรับประทานอาหารและผลไม้ที่มีความเย็น เช่น แอปเปิล สาลี่ มังคุด ถ้าเป็นผักก็ได้แก่ ผักกาดขาว มะระ หัวไชเท้า เพราะผักและผลไม้เหล่านี้สามารถขับความร้อนภายในร่างกายได้ ขณะเดียวกันอาหาร และผลไม้ที่ห้ามรับประทาน ได้แก่ สุกี้ ไก่ทอด ต้มปลา ขนมเค้ก ส่วนผลไม้นั้นได้แก่ ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง ทุเรียน หรือพูดง่ายๆ ว่าอาหารหรือผลไม้ที่เป็นของร้อน ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทาน หรือรับประทานให้น้อยจะส่งผลดีสำหรับผู้ที่เป็นสิวง่ายนั่นเอง นอกจากนี้ การรับประทานเห็ดหูหนูขาวต้มน้ำตาล หรือถั่ว

ขอบคุณ

doctorskinhouse

1 ความคิดเห็น:

  1. The Best GIFs for the Best GIFs for the Best GIFs for the Best
    Watch some of the youtube to mp3 converter reviews most famous videos of all time. If you like it, you might also like

    ตอบลบ